วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

บ้านฉันไม่ใช่บ้านแม่มด..


สมัยก่อนเคยอ่านนิทานหลายเรื่อง เขาเล่ากันว่า บ้านแม่มดจะเป็นบ้านที่ไม่มีดอกไม้...เป็นบ้านที่มีแต่ความอึมครึมน่ากลัว..และเพื่อนๆก็มักชอบเรียกฉันว่า Pink Devil หรือแม่ปีศาจสีชมพู..ฟังดูเหมือนจะน่ารักนะคะ..แต่คำว่าปีศาจก็ต้องร้ายกาจน่ากลัวอยู่ดี(ด้วยความเป็นคนไม่ยอมคน วิ่งชนดะ เป็นเดือดเป็นแค้นทุกเรื่องแทนเพื่อน เป็นแม่จอมวางแผน(ร้ายๆ) ในทุกๆเรื่อง อิอิอิ)..
เช้าวันนี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษ หลังจากฝนตกหลายวันเกรงว่าจะมีนกมาทำรังที่เดิม ให้ได้ทำบาปอีกรอบเหมือนในบทความตอนที่แล้ว “รังนอน..ที่หายไป” เลยเปิดประตูและแหวกหญ้าที่ขึ้นมาเกือบถึงเข่าอีกแล้ว..ก็ช่วงนี้ฝนตกหนักทุกวัน ซึ่งโดยปกติภาคตะวันออกก็เป็นภาคที่มีแค่สองฤดูกาลอยู่แล้ว คือฝน กับ ร้อน.. ทำให้ไม่มีโอกาสได้ตัดหญ้าสักทีและหญ้าก็ยาวเร็วมากเพราะได้น้ำดี..เดินผ่านไปดู สับปะรดสี กอที่เพื่อนรักได้มาสองต้น และแบ่งให้เราหนึ่งต้น..เขาบอกว่าเมื่อเลี้ยงไปสักพักปลายมันจะเปลี่ยนสี..สงสัยดวงเราคงสมพงษ์กัน สับปะรดกอนั้นเปลี่ยนเป็นปลายสีแดงสวยงาม และที่ตื่นเต้นกว่านั้น..มีดอกออกมาด้วยหนึ่งคู่...

จากนั้นฉันก็เริ่มเดินชม อุทยานดอกไม้ส่วนตัวท่ามกลางป่าหญ้ารกชัฏ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าบ้านฉันเนี่ย ไม่ใช่บ้านแม่มดนะเพราะดอกไม้มากมายพร้อมใจกันออกดอกให้ชื่นชมอยู่ตลอด..ใครๆ ก็ชอบชื่นชมดอกไม้ทีบ้านฉัน...ทั้งที่เลี้ยงดูแบบบุฟเฟ่....ไม่น่าเชื่อว่าบ้านจัดสรรหลังเล็กๆ จะมีพันธุ์ไม้ได้มากมายขนาดนี้ ไหนจะ เล็บมือนางพันรั้วและพวงแสดที่ไปตัดกิ่งมาจากบ้านพี่สาว นำมาปักไว้ใต้ต้นเฟื่องฟ้าซึ่งกำลังโต อีกไม่นานฉันคงเห็นมีเป็นสีส้มปนชมพูเต็มรั้วแน่ๆเลย....

มาชมกัน..นี่ไงคะ...ดอกไม้บานที่บ้าน Pink Devil แม่ปีศาจ สีชมพู อย่าง T.GAng



เอื้องหมายนา จำปา แลจำปี
ทั้งม่านบาหลี ลีลาวดีใบลูกศร
ดาวกระจาย ท้าทาย หมู่ภมร
อีกมังกรคาบแก้ว บานบุรี
ดอกชวนชม หลั่นล้า มาเป็นคู่
แดงชมพู หยอกล้อกับ สับปะรดสี
เล็บมือนาง จันทร์กระจ่างฟ้า ยามราตรี
เฟื่องฟ้ามี อีกกล้วยไม้ มะลิวัลย์
ดาหลา พลับพลึง ชงโค
โอ้โห เบิร์ดออฟพาราไดซ์ บัวสรรค์
กระดังงา พวงแสด เร่งดอกพลัน
มิเช่นนั้น เจ้าจัก พ่ายพุดพิชญา
ระรานตา มากมาย หลายดอกสี
บ้านฉันนี้ ใครเห็น เป็นถามหา
ดอกนี้ ดอกนั้น ท่านได้ แต่ใดมา
ฉันตอบว่า ของฟรีจาก หลากผู้เยือน....

...ใครสนใจแจกพันธุ์ไม้ยินดีรับนะคะ...อิอิอิ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น