วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553
เก็บดาว...
วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553
คำพิพากษา...กับโชคชะตาของผู้หญิงคนหนึ่ง
วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553
..ในซากรังเดิม...
วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553
บ้านฉันไม่ใช่บ้านแม่มด..
จากนั้นฉันก็เริ่มเดินชม อุทยานดอกไม้ส่วนตัวท่ามกลางป่าหญ้ารกชัฏ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าบ้านฉันเนี่ย ไม่ใช่บ้านแม่มดนะเพราะดอกไม้มากมายพร้อมใจกันออกดอกให้ชื่นชมอยู่ตลอด..ใครๆ ก็ชอบชื่นชมดอกไม้ทีบ้านฉัน...ทั้งที่เลี้ยงดูแบบบุฟเฟ่....ไม่น่าเชื่อว่าบ้านจัดสรรหลังเล็กๆ จะมีพันธุ์ไม้ได้มากมายขนาดนี้ ไหนจะ เล็บมือนางพันรั้วและพวงแสดที่ไปตัดกิ่งมาจากบ้านพี่สาว นำมาปักไว้ใต้ต้นเฟื่องฟ้าซึ่งกำลังโต อีกไม่นานฉันคงเห็นมีเป็นสีส้มปนชมพูเต็มรั้วแน่ๆเลย....
เอื้องหมายนา จำปา แลจำปี
...ใครสนใจแจกพันธุ์ไม้ยินดีรับนะคะ...อิอิอิ
วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553
โอ้ดวงจำปา....บุปผาเมืองลาว
ส่วนฉันก็มีความหลังกับดอกดวงจำปานี้เช่นกัน...เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนรักของฉัน ซึ่งเป็นผู้ "ปิดตำนานบ้านสาวโสด" ก่อนหน้าที่จะทำการปิดตำนานนี้ มีเรื่องไม่เข้าใจกันกับคนรัก..แต่ท้ายที่สุดด้วยความช่วยเหลือจากคุณแม่ผู้รักเอ็นดูว่าที่ลูกเขยคนนี้เสียเหลือเกินได้วางแผนนัดแนะให้เรามาทานอาหาร บรรยากาศโรแมนติก ที่มุมอร่อยพัทยา..ชายหนุ่มผู้มิเคยโรแมนติกเลย..แต่ด้วยความรัก..เขาหอบกิ่งดวงจำปาที่หักมาจากในร้าน (เจ้าของร้องร้านจ๊าก นี่ดวงจำปาจากเมืองลาวเชียวนะ) นักคุกเข่าที่พื้นทรายขอเธอแต่งงาน ท่ามกลาง สายตาของคนทั้งร้าน...สาวเจ้ารับรักด้วยความรู้สึก ทั้งอายทั้งดีใจระคนกัน..เมื่อเธอตกลง..เจ้าของร้านและฉันกองเชียร์หลัก จึงจัดงานแต่งงานให้ทั้งคู่ทันที..ว่าแล้ว..แท่ม แทม แท แดม แท่ม แทม แด แดม...
ชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าดวงจำปา
แต่ที่สำคัญ... เพื่อนรักของฉันยังยืนยันที่จะเรียก ดอกดวงจำปาเช่นเดิม ไม่ทราบว่ามีความหมายอะไรมากมายกว่านี้หรือเปล่าน่ะสิ.....
วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553
เหงา...
เรียงร้อยถ้อยคำ ยามเหงา
ฝากฟ้า ฝากดาว ส่งถึง
เรียบเรียงจากใจ ใครคนหนึ่ง
ผู้ซึ่ง เคยซื้ง ในวันวาน
อยากบอกเธอว่า ฉันเหงา
ยังเฝ้ารอคอย วันหวาน
คืนซึ่ง ตรึงใจในวันวาน
เวียนผ่าน พานพบ บรรจบคืน
เธอรู้บ้างไหม ใครห่วงหา
อยากย้อนเวลา หวานชื่น
ส่งใจผ่านดาว ทุกค่ำคืน
ยามตื่น วอนไหว้ วานตะวัน
ขอใครคนนั้น ได้รับรู้
คืนสู่ คืนวัน ชวนฝัน
กลับมาผิงดาวด้วยกัน
อิงแอบแนบตะวัน พันดาว
วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553
จดหมายเหตุ แห่งรัก
รักคืออะไร...วานใครช่วยตอบที?????
บ้างก็บอกว่า
“รักคือการให้”
“รักคือกำลังใจ”
“รักคือความอดทน คือการเสียสละ”
มากมายนิยามรัก “สีขาว” ส่วนนิยามรัก “สีดำ” ก็มีมากมายเช่นกัน
“รักคือเหตุแห่งทุกข์”(ที่ไหนมีรัก..ที่นั่นมีทุกข์)
“รักคือความเห็นแก่ตัว”
“ความรักทำให้คนตาบอด”
สำหรับฉัน รักคือสิ่งสวยงาม คือสิ่งจรรโลงโลก บางครั้งเราอาจเป็นทุกข์เพราะมันบ้าง แต่คุณจะปฏิเสธหรือไม่ว่า เวลาที่คุณมีความสุขเพราะมัน ก็ทำให้โลกทั้งใบของคุณสดใส ยิ้มได้ทั้งวัน ฉะนั้น ฉันจึงยินดีที่จะต้อนรับมันทุกเมื่อ ฉันพร้อมที่จะมีความสุขแม้เป็นเวลาสั้นๆ แต่อาจมีทุกข์ใจเพิ่มขึ้นมากมายในชีวิต แต่นั่นคือรสชาดของชีวิต..ฉันถือว่าใช้ชีวิตได้คุ้มค่า... คนเราเกิดมาคงไม่มีใครโชคดีขนาดที่พบความรักที่แท้จริงในครั้งแรก คงต้องผ่านความผิดหวัง สมหวังด้วยกันทั้งนั้น
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ผิดหวังในความรักก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยหวาดกลัวที่จะได้รับความทุกข์อันเกิดจากความรักและปิดกั้นตัวเองจากสิ่งที่เรียกว่า”ความรัก” ฉันพร้อมจะมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง คละเคล้ากันไป ดีกว่าปล่อยชีวิตให้ผ่านไปแบบราบเรียบ ใช้ชีวิตไปวันๆ ทำชีวิตเดิมๆ เส้นทางเดิมๆ ...
นิยามรัก สำหรับฉัน “รักอยู่เหนือเหตุผล แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและความเป็นไปได้”
ฉันเคยถามหลายคน ว่าทำไมต้องทำอะไรมากมายขนาดนั้น เพื่อคนที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีความจริงใจให้คุณเลย..เขาเหล่านั้นพยายามพูดหลายร้อยเหตุผลเพื่อให้ฟังดูดี แต่จนแล้วจนรอดฉันก็มิได้รู้สึกว่าคำตอบเหล่านั้นมันสมเหตุสมผลสักเท่าไร ฉันจึงบอกเขาเหล่านั้นว่า”คุณไม่ต้องหาเหตุผลร้อยแปดมาประกอบการกระทำหรอก แค่คุณบอกมาคำเดียวว่าคุณรักเขา “แค่นั้น” ฉันเข้าใจ เพราะสำหรับฉันแล้วความรักมักอยู่เหนือเหตุผลเสมอ”
เพราะอะไร ?????
รักเกิดขึ้นเมื่อไร เกิดจากอะไร เกิดได้อย่างไร ..ไม่มีที่มาตายตัว บางคนเจอรักแรกพบ บางคนเกิดจากความผูกพัน บางคนเกิดจากความเห็นอกให้ใจ ฯลฯ แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุด ..ไม่มีสิ่งใด ที่สามารถบังคับหรือควบคุมความรักได้..คุณไม่สามารถสั่งใจให้รักคนที่คุณเจอในครั้งแรก คุณไม่สามารถสั่งใจให้รักคนที่ดีพร้อมและเหมาะสมกับคุณทุกประการ คุณไม่สามารถสั่งใจให้รักคนที่คุณพันผูกมานานแสนนาน แม้เขาจะรักคุณมากที่สุดก็ตาม ...คุณไม่สามารถบังคับหรือสั่งการกับหัวใจตัวเองได้เลย...มันเกิดด้วยตัวของมันเอง มันพร้อมที่จะรักใครสักคนด้วยตัวของมันเอง แม้ว่าคนๆนั้นอาจไม่ดีที่สุดสำหรับคุณ หรือบางคนอาจถึงขั้นแย่ที่สุดสำหรับคุณก็เป็นได้...คุณจะรู้ตัวอีกที ก็ตอนที่ความรักเข้าครอบงำความรู้สึกของคุณไปเรียบร้อยแล้ว ...
เมื่อรู้ตัวว่าถูกครอบงำด้วยรักเข้าแล้ว สำหรับฉันขอวิเคราะห์ต่ออีกหน่อยว่ามีจะความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดในการเดินทางร่วมกัน เพราะในความเป็นจริง “รัก” อย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะทำให้คนสองคนเดินไปได้ถึงฝั่งฝัน มันต้องมีพื้นฐานของความเข้าใจ ตัวตนที่มีส่วนคล้ายคลึงกันบ้าง พูดจาภาษาเดียวกัน ลองไตร่ตรองดูว่า หากความรักเกิดขึ้นกับคนแตกต่างสองคน แม้รักกันหมดใจ ปรับตัวเข้าหากันทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อกันและกันด้วยความอดทน..เช่นดังที่ใครบางคนเคยบอกว่า “รักแล้วรักเลย อภัยได้ในทุกสิ่งที่บกพร่อง”..ลองถามตัวเองต่อไปว่าหากสิ่งที่แตกต่างและข้อบกพร่องเหล่านี้ คุณต้องเจอกับมันทุกวัน คุณทนได้จริงหรือเปล่า คุณยอมรับได้ตลอดชีวิตหรือไม่..แล้วค่อยมาเห็นด้วยกับฉันว่า “แม้รักจะอยู่เหนือเหตุผล แต่ทุกอย่างก็ต้องตั้งอยู่บนความจริงที่เป็นไปได้” …
ความรักที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและความเป็นไปได้ คือสิ่งเดียวที่จะทำให้เรามีความสุขและความสมหวัง..แต่ใครล่ะ ที่จะโชคดี ได้พบสิ่งเหล่านั้น ..เมื่อรู้สึกตัวว่าความรักเข้าครอบงำคุณแล้ว คุณจะเริ่มมองหาความเป็นไปได้ หากคุณทำใจให้เป็นกลาง ไม่เข้าข้างตัวเอง คุณจะสามารถมองเห็นและรับรู้ได้ด้วยตัวคุณเองว่า ความรักครั้งนี้ของคุณนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง และมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด..แต่คนส่วนใหญ่เมื่อความรักบังตามองทุกสิ่งสวยงามไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้น...อีกทั้งตัวแปรที่สำคัญอีกหนึ่งคือ..ภาพลวงตาที่ถูกสร้างและตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ครั้งเมื่อเจอคนถูกใจ แต่นานไปตัวตนที่แท้จริงปรากฏ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คุณหลายคนมองว่า “พอเก่าเขาเปลี่ยนไป”..ความจริงไม่ใช่...เขาคืนสู่สภาพตัวตนที่แท้จริงต่างหาก...ข้อนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่ทำให้สามารถในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้อย่างยากลำบาก..ถือเป็นกรรมเก่าของแต่ละบุคคล...ไม่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบในโลกนี้..ทุกชีวิต ทุกครอบครัวล้วนแล้วแต่ต้องเจอปัญหา...ต่างกันเพียงจะมากหรือน้อย จะเร็วหรือช้า
....เมื่อปัญหาเกิด ขอแนะนำว่าให้ถอยหนึ่งก้าว เพื่อตั้งสติ พิจารณาที่มาของปัญหา วิเคราะห์ว่าปัญหานั้นๆ เป็นสิ่งที่คนสองคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันจะสามารถร่วมกันแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ หันหน้าพูดคุย ปรึกษาหารือ..หากรับฟังซึ่งกันและกันทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ...หากท้ายที่สุด ไม่สามารถปรับเปลี่ยนซึ่งกันและกันเพื่อแก้ปัญหานั้นได้จริงๆ ถามตัวเองว่า คุณทำใจยอมรับสภาพนั้นได้หรือไม่..บางคนรักมากมาย ยอมทนได้ทุกอย่างขอเพียงมีเธอ..ทุกข์ตลอดชีวิต...บางคนไม่ทน..แตกหัก..ปัญหาที่ตามมาก็คือผลิตผลที่คนสองคนสร้าง..ผ้าขาวบางผืนน้อยๆ...ผ้าขาวผืนที่รอคุณแต่งแต้มสีสันสดใส สวยงาม...แล้วคุณคิดว่าคุณควรจะใช้สีแบบไหนมาแต่งแต้มสีสันบนผ้าผืนน้อยๆ ผืนนั้น....